Page Header Logo

The Journal of King Mongkut's University of Technology North Bangkok
วารสารวิชาการพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

About the Journal

วารสารวิชาการพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (The Journal of King Mongkut's University of Technology North Bangkok)

เป็นวารสารที่เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ อุตสาหกรรมเกษตร เทคโนโลยีสารสนเทศ สถาปัตยกรรม และวิชาการขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและอุตสาหกรรม ผลงานวิชาการที่รับตีพิมพ์เป็นบทความวิจัย บทความวิชาการ และบทความบรรณาธิการปริทัศน์ที่เขียนด้วยภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ

วารสารพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ตีพิมพ์ทั้งรูปเล่มและออนไลน์ โดยกำหนดจัดทำปีละ 4 ฉบับ คือ

  • ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม–มีนาคม
  • ฉบับที่ 2 เดือนเมษายน–มิถุนายน
  • ฉบับที่ 3 เดือนกรกฎาคม–กันยายน
  • ฉบับที่ 4 เดือนตุลาคม–ธันวาคม

วารสารวิชาการพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นวารสารที่จัดอยู่ในฐานข้อมูลดังนี้

  • เป็นวารสารที่อยู่ในฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารไทย (TCI) กลุ่มที่ 1 ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • เป็นวารสารที่อยู่ในฐานข้อมูล ASEAN Citation Index (ACI)
  • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ยอมรับให้เป็นวารสารระดับชาติและเป็นวารสารสำหรับการพิจารณาผลงานตีพิมพ์ เรื่องที่ 2 ของนักศึกษาทุน คปก. ในหลักสูตรกลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก่อนสำเร็จการศึกษาปริญญาเอก


สถิติการพิจารณา

จำนวนวันเฉลี่ยในการพิจารณาเบื้องต้น : 7-10 วัน
จำนวนวันเฉลี่ยในการรับพิจารณา-ตอบรับตีพิมพ์: 60-90 วัน
อัตราการยอมรับตีพิมพ์ในปี 2566 : 48%


การเก็บเงินค่าดำเนินการจัดพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัย

การจัดเก็บค่าดำเนินการจัดพิมพ์เผยแพร่บทความในวารสารวิชาการพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดเก็บเมื่อบทความได้รับการอนุมัติตีพิมพ์แล้วเท่านั้น รายละเอียดดังนี้
1. ผู้นิพนธ์ประสานงาน ที่เป็นบุคคลภายนอกมหาวิทยาลัยจำนวนเงินไม่เกิน 4,000 บาท ต่อหนึ่งบทความ
2. ผู้นิพนธ์ประสานงาน ที่เป็นนักศึกษาบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยจำนวนเงินไม่เกิน 3,000 บาท ต่อหนึ่งบทความ

 

กระบวนการพิจารณา (Peer Review Process)

วารสารวิชาพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มีการประเมินบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชานั้นหรือสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 คน ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจากหลากหลายสถาบัน โดยทั้งผู้นิพนธ์ (Author) และผู้ประเมิน (Reviewer) จะไม่ทราบข้อมูลรายชื่อของกันและกัน (Double-blind review) โดยที่ผู้ประเมินจะพิจารณาประเด็นที่สำคัญของแต่ละบทความดังต่อไปนี้

1. ผลการวิจัยที่แสดงในบทความจะต้องเป็นผลงานที่แท้จริงของผู้นิพนธ์เอง และต้องหลีกเลี่ยงการคัดลอกผลงาน (Plagiarism)

2. วิธีการและการวิเคราะห์ทางการทดลอง และวิจัยต้องมีมาตรฐานทางเทคนิคที่ได้รับการยอมรับ และจะต้องอธิบายในรายละเอียดอย่างเป็นระบบและสมเหตุสมผล นอกเหนือจากนี้แล้ว การเขียนผลการทดลองจะต้องอภิปรายอย่างดีและเพียงพอ สอดคล้องกับผลสรุปที่ได้มีการวิเคราะห์เชิงสถิติอย่างเหมาะสม

3. การอภิปรายผลและการสรุปในบทความ ต้องมีข้อมูลที่ปรากฏรวมถึงเอกสารอ้างอิงที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการเขียน บทความที่ส่งมาพิจารณาตีพิมพ์ควรจะถูกเขียนด้วยภาษาที่สามรถเข้าใจได้ง่ายทางวิชาการให้เหมาะสมสำหรับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

4. บทความต้นฉบับ ต้องเขียนด้วยภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ให้มีความคงที่ของภาษาที่เลือกทั้งบทความ เช่น เลือกใช้ภาษาไทยในการเขียนทั้งบทความ และมีการแปลคำศัพท์เทคนิคเป็นภาษาไทยอย่างเหมาะสม โดยมีความชัดเจน ตรงไปตรงมา และถูกต้องตามหลักไวยากรณ์

5. รวมทั้งมีความต่อเนื่องในการใช้ภาษางานวิจัยต้องดำเนินการตามได้มาตรฐานโดยทั่วไปของหลักจริยธรรมการวิจัยที่เกี่ยวข้อง หากมีการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ ผู้นิพนธ์ควรบ่งชี้ว่า ได้ดำเนินการวิจัยตามกระบวนการที่เป็นไปตามมาตรฐานคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์

6. บรรณาธิการสามารถยุติการประเมินบทความของผู้ประเมิน หากพบว่าไม่สามารถปฏิบัติตามวัตถุประสงค์หรือเงื่อนไข หรือเมื่อผู้ประเมินได้ตกลงที่จะประเมินบทความแล้ว ต่อมาพบว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน สามารถแจ้งบรรณาธิการโดยทันที เพื่อที่จะปฏิเสธการประเมินบทความนั้นต่อไป


สำหรับรายงานความเห็นผู้ประเมินบทความควรพิจารณาในประเด็นต่างๆ ได้แก่

1. ผลงานวิจัยมีความริเริ่มสร้างสรรค์ ไม่ซ้ำซ้อนกับงานที่ตีพิมพ์มาแล้ว และมีมาตรฐานทางวิชาการ
2. ทำการวิเคราะห์ว่าบทความมีการค้นพบใหม่ด้านใดหรือไม่ บทความมีการอ้างอิงเอกสารหรือบทความที่ตีพิมพ์แล้วที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมและเพียงพอต่อการสนับสนุนเนื้อความและผลการวิเคราะห์หรือไม่
3. ผู้อ่านกลุ่มใดที่จะได้ประโยชน์จากการอ่านบทความและตรงตามกลุ่มเป้าหมายผู้อ่านของวารสารหรือไม่
4. บทความถูกเขียนมาด้วยภาษาทางวิชาการที่มีการเรียงลำดับเนื้อเรื่องตามหลักตรรกะ และภาษาที่อ่านง่าย เข้าใจ และมีส่วนใดของการเขียนที่ควรปรับปรุงหรือไม่
5. การบรรยายผลการทดลองเพียงพอที่ใช้สนับสนุนการวิเคราะห์และสรุปผลการทดลองหรือไม่ หากไม่เพียงพอควรทำการปรับปรุงอย่างไร
6. บทความที่ประเมินสามารถนำไปสู่การต่อยอดงานวิจัยได้หรือไม่
7. การบรรยายส่วนของวิธีการทดลองในบทความเพียงพอที่จะสามารถทำการทดสอบซ้ำ หรือพิสูจน์ความถูกต้องของการทดลองหรือไม่



ISSN: 2985-2145