การเปรียบเทียบต้นทุนสินค้าคงคลังของวิธีการกำหนดขนาดสั่งซื้อที่แตกต่างกันของระบบการวางแผนความต้องการวัตถุดิบ: กรณีศึกษาโรงงานผลิตถุงพลาสติก Comparing Inventory Costs of Different Lot-Sizing Methods in a Material Requirements Planning System: A Case

Abstract

โรงงานผลิตถุงพลาสติกในกรณีศึกษายังไม่มีระบบการวางแผนความต้องการวัตถุดิบและไม่มีกลไกกำหนดขนาดสั่งซื้อวัตถุดิบที่ชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานกำหนดขนาดสั่งซื้อตามประสบการณ์ การวิจัยนี้จึงต้องการจัดทำแผนความต้องการวัตถุดิบและเปรียบเทียบต้นทุนสินค้าคงคลังของวิธีกำหนดขนาดสั่งซื้อแบบต่างๆ กับต้นทุนสินค้าคงคลังจริงช่วงเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม พ.ศ. 2560 โดยเลือกศึกษาเม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนสีขาวขุ่นเนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่โรงงานใช้มากที่สุดในปีที่ทำการศึกษา การศึกษานี้กำหนดขนาดสั่งซื้อตามวิธีการฮิวริสติก 5 วิธี ประกอบด้วย (1) วิธีการสั่งพอใช้งวดต่องวด (2) วิธีการปริมาณการสั่งเป็นช่วง (3) วิธีการส่วนของช่วงเวลาที่สมดุล (4) วิธีการซิลเวอร์-มีล และ (5) วิธีการค่าใช้จ่ายต่อหน่วยต่ำสุด รวมถึงกำหนดขนาดสั่งซื้อด้วยวิธีการแวกเนอร์-วิทธินซึ่งเป็นวิธีการที่ให้ต้นทุนสินค้าคงคลังต่ำที่สุด และเปรียบเทียบต้นทุนสินค้าคงคลังตามวิธีการเหล่านี้กับต้นทุนสินค้าคงคลังที่เกิดขึ้นจริง ผลการศึกษาพบว่าต้นทุนสินค้าคงคลังที่เกิดขึ้นจริงของโรงงานในช่วงที่ศึกษาคือ 4,495.8 บาท วิธีการแวกเนอร์-วิทธินมีต้นทุนสินค้าคงคลัง 2,222.3 บาท วิธีการฮิวริสติกทุกวิธีมีต้นทุนสินค้าคงคลังต่ำกว่าต้นทุนสินค้าคงคลังที่เกิดขึ้นจริง วิธีการฮิวริสติกที่ดีที่สุดสำหรับกรณีศึกษานี้คือวิธีการซิลเวอร์-มีลที่มีต้นทุนสินค้าคงคลัง 2,240.5 บาท ดังนั้นโรงงานในกรณีศึกษานี้ควรกำหนดขนาดสั่งซื้อตามวิธีการซิลเวอร์-มีลเพราะวิธีนี้ลดต้นทุนสินค้าคงคลังในช่วงเวลาที่ศึกษาได้ถึง 50.16% และมีต้นทุนมากกว่าวิธีการแวกเนอร์-วิทธินไม่ถึง 1% ในขณะที่กลไกการคำนวณของวิธีการซิลเวอร์-มีลนั้นไม่ซับซ้อนและง่ายต่อการนำไปใช้จริง

The plastic bag factory in this study has never established material requirements planning (MRP) systems and any specific lot-sizing method. Employees have ordered raw materials based on their experiences. Hence, this research aimed to create an MRP in order to compare inventory costs of different lot sizing methods by the actual inventory cost for the period from July to December 2017. The case of turbid white polyethylene plastic bead was specifically chosen for the study since it was mostly used in the factory’s production during the study period. Five heuristic lot sizing methods consisting of (1) Lot for Lot, (2) Period Order Quantity, (3) Part Period Balancing, (4) Silver-Meal, and (5) Least Unit Cost were used. Moreover, the optimal Wagner-Whitin lot-sizing method was also used. The inventory cost of each method was compared with the factory’s actual inventory cost. It was found that the actual inventory cost of the factory during the study period was 4,495.8 THB. The inventory cost of the optimal Wagner-Whitin method was 2,222.3 THB. Every heuristic lot size method had less inventory cost than the actual inventory cost. The best heuristic method in this case study was the Silver-Meal with an inventory cost of 2,240.5 THB. The findings, therefore, indicated that the factory should apply Silver-Meal heuristic lot-sizing method because it reduced the factory’s inventory cost for the study period by 50.16%. Moreover, the cost of the Silver-Meal method was less than that of the optimal Wagner-Whitin about 1% while its algorithm is simpler and easier to use.

Keywords

การวางแผนความต้องการวัตถุดิบ; การกำหนดขนาดสั่งซื้อฮิวริสติก; วิธีการแวกเนอร์-วิทธิน

Material requirements planning; Heuristic lot sizing; Wagner-Whitin Method